บริษัทนักสืบ

     0844069011    นักสืบ กิตติ 

     

     LINE ID : detective2s                          


ยินดีให้คำปรึกษาปัญหาฟรี ด้วยความเต็มใจ 
 
ติดต่อสอบถามได้ 24 ชั่วโมง  นักสืบ คุณ กิตติ

 " อย่าปล่อยให้ปัญหาที่ค้างคาทำลายชีวิตคุณ "

กลัวราคาแพง 

เรื่องค่าจ้างงานสืบนั้นเป็นงานที่ผู้รับจ้างจะสอบถามปัญหาจากท่านแล้วกำหนดราคา ท่านสามารถต่อรองได้ตามสมควรแต่ขอให้พิจารณาถึงเหตุผลค่าใช้จ่ายตาม ความเป็นจริง เช่นงานที่จะต้องติดตามเป็นทีมโดยใช้รถยนต์อย่างน้อยค่าใช้จ่ายก็จะ อยู่ที่ 4,000 บาทถึง 6,000 บาท ( เพราะจะต้องมีรถยนต์ 1 คัน และมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน ใช้คนก็ต้องไม่น้อยกว่า 2 คน) ดังนั้นค่าใช้จ่ายก็จะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กล่าวมา คุณจะขอให้รับงานเพียงใช้เงินวันละ 2,000 บาทเป็นไปไม่ได้เลย หากนักสืบสำนักใด กล้ารับงานท่านในราคาที่ต่ำมากเช่นนี้ก็คงทำงานไม่ได้ ดังนั้นการจ้างนักสืบท่าน อย่ากลัวหรือเกี่ยงเรื่องราคามากนักเพราะการกำหนดราคาได้กำหนดโดย หลักการตลาดทั่วไปอยู่แล้ว 

 

กลัวถูกหลอก

การที่จะจ้างนักสืบท่านควรจะไปดูที่ทำการของบริษัทหรือสำนักงานนั้นๆแล้วแต่กรณี หากท่านไม่มีเวลาไปดูท่านก็ควรจะเลือกนักสืบที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะดีกว่า เราอยู่วงการนี้มานานก็ไม่เห็นว่าที่ใดเปิดขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเลยแต่ที่เกิดปัญหากัน คงเป็นเพราะข้อตกลงระหว่างกันเบื้องต้นก่อนจ้างไม่ชัดเจนและความยากง่ายของ แต่ละงานไม่เท่ากันฝ่ายนักสืบไม่สอบถามข้อมูลให้ละเอียดก่อนตกลงรับจ้าง หรือฝ่ายผู้ว่าจ้างเกี่ยงเรื่องค่าจ้างมากอยากได้ที่ถูกมาก ครั้นเมื่อนักสืบไปทำงาน แล้วค่าใช้จ่ายไม่พอหรือพูดอีกนัยหนึ่งเสมือนผู้รับเหมางานคำนวณราคางาน ผิดพลาดอาจเกิดปัญหาได้ แต่สำหรับของเราแล้วจะไม่มีปัญหานี้เพราะเราจะทำ ข้อตกลงให้เข้าใจได้ง่ายและหากรับงานแล้วก็จะแก้ปัญหาให้จนเสร็จงานตามข้อตกลง หรือเกิดข้อขัดข้องก็ร่วมกันแก้ไขให้แก่ท่านเพราะเราถือว่าท่านได้ให้เกียรติเรา แล้วท่านเป็นคนพิเศษเสมอ


นักสืบต้องไม่ประมาท

นักสืบที่ดีต้องรักษาความตื่นตัว อยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาทในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
นักสืบต้องหมั่นเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ไม่มีงานชิ้นไหนง่าย
ถ้ามันง่ายเขาคงไม่มาจ้างเราแล้ว งานนักสืบ ไม่มีง่าย มีแต่ ยากมาก ยากน้อย
ยากปานกลาง เท่านั้น นักสืบทำหน้าที่สืบหาความลับ ในคน ในสัตว์ ในสิ่งของ
สืบหาเป้าหมายที่ต้องการปกปิดเป็นความลับ เป้าหมายต้องมีการป้องกัน
ไม่ให้ความลับรั่วไหล โดยเฉพาะเป้าหมายที่มีความฉลาดรอบคอบรัดกุม
ยิ่งทำให้งานของนักสืบ ยากขึ้นไปอีก อาจมีการวางกลลวง หลอกล่อให้นักสืบ หลงกล
ตกอยู่ในวังวนแห่งความสบสนงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก กลับกลายจากสถานะของผู้ไล่ล่า
กลายมาเป็นผู้ถูกไล่ล่า เสียเอง แบบนี้คงเสียชื่อสถาบันนักสืบหมด
ดังนั้นนักสืบต้องไม่ประมาท เมื่อจะจับเป้าหมายใด ควรจับด้วยความระมัดระวัง
ทรนงองอาจ เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังและความมั่นใจ เหมือนพญาราชสีห์ จับหนู
หรือจับกวาง ก็ใช้ลีลาการจับไม่แตกต่างกัน


นักสืบ ต้องไม่อยากเด่นอยากดัง
 
นักสืบเป็นมนุษย์ที่แปลกประหลาดจำพวกหนึ่ง คือมักจะต้องเก็บเนื้อเก็บตัว
ไม่ให้ใครรู้ว่าตนเป็นนักสืบ เราจึงพบว่านักสืบ ไม่ค่อยเข้าสังคม
ไม่ค่อยสุงสิงกับชาวบ้านซักเท่าไหร่ นักสืบมักจะมีระยะห่างระหว่างบุคคล
บางทีอาจมองดูว่าเป็นคนไร้น้ำใจ
อันที่จริงนักสืบก็มีเลือดเนื้อชีวิตจิตใจเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
เพียงแต่มีความจำเป็นที่ต้องปกปิดฐานะของตนเอง เพื่อประโยชน์ต่อการทำหน้าที่นักสืบ
หากนักสืบใด ชอบทำตัวโอ้อวด ให้ชาวโลกรู้ว่า ข้าคือนักสืบ
คือยอดนักสืบอัจฉริยะไม่มีใครเสมอเหมือน ทำตัวเด่นดังราวกับดาราฮอลลีวู้ด หรือ
super star  แบบนี้มีหวัง สืบอะไรไม่ได้ซักอย่างเดียว เพราะว่าใครๆก็รู้จัก
พอเห็นนักสืบนี้เดินเข้ามา เป้าหมายก็คงเผ่นก่อนแล้ว  นักสืบมืออาชีพ
ต้องทำตัวติดดิน กลมกลืนเป็นธรรมชาติกับสภาพแวดล้อมและ ดูธรรมดาที่สุด
นักสืบต้องไม่ทำตัวให้สะดุดตาสะดุดใจเป้าหมาย จึงจะสามารถบรรลุผลของการสืบได้
นี่คือข้อแตกต่างของของนักสืบมืออาชีพ กับคนที่มีอาชีพนักสืบ
 

นักสืบต้องศึกษาเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนลงมือปฏิบัติการ
 
ปรมาจารย์
แห่งคัมภีร์พิชัยสงคราม ซุนวู กล่าวอมตะวาจาไว้ว่า รู้เขารู้เรา
รบร้อยครั้งชนะร้อยครา ประโยคนี้ ยังคงเป็นจริงมานับพันๆปี
นักสืบจะเข้าไปสืบเรื่องใด ก็ไม่แตกต่างจากทหารที่กำลังเข้าสู่สมรภูมิรบ
เพียงแต่เปลี่ยนจากการรบกันด้วยหอกด้วยดาบ มารบกันด้วยไหวพริบสติปัญญา
เอาชนะกันแค่เสี้ยววินาที เพราะว่าบ่อยครั้ง นักสืบอาจต้องจับภาพเป้าหมาย
ในช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ  ระหว่างนักสืบและเป้าหมาย ฝ่ายใดมีข้อมูลมากกว่า
ทำการบ้านมาดีกว่า ศึกษาคู่ต่อสู้มากกว่า ฝ่ายนั้นย่อมมีโอกาส
บรรลุผลแห่งเป้าหมายของตนเอง ดังนั้นก่อนที่นักสืบจะเข้าทำการ สืบเรื่องใด
ต้องศึกษา เรียนรู้ในตัวเป้าหมาย ให้ละเอียดรอบคอบ รู้ถึงสภาพแวดล้อม ทางหนีทีไล่
รู้จักการวางกลลวง ให้เป้าหมายเดินเข้ามาหาเรา ย่อมดีกว่าให้เรา
เป็นฝ่ายเดินเข้าหาเป้าหมาย หากนักสืบไม่ศึกษารายละเอียดของเป้าหมาย ให้ดีก่อน
ลงมือ ก็เท่ากับว่า พาตัวเองไปสู่ความเสี่ยง อาจพลาดพลั้งไม่บรรลุผลแห่งการสืบ
อาจบางทีต้องแลกมาด้วย เลือดและชีวิต
 

นักสืบต้องอาศัยประโยชน์จากเทคโนโลยีให้มาก
 
ปัจจุบัน เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับ
อะไรที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ เทคโนโลยีสามารถ ทำได้ง่ายเหมือนร่ายมนต์
นักสืบควรติดตามเทคโนโลยีให้ทัน ควรหมั่นหาความรู้อยู่สม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น
การค้นหาข้อมูลของเป้าหมาย จากอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่นักสืบควรจะต้อง
ศึกษาเรียนรู้และ ทำได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อประหยัดเวลา เงินตรา อารมณ์
และสามารถบรรลุผลของการสืบได้อย่างถูกต้อง ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตัวนักสืบโดยตรง นักสืบจะได้รับความเชื่อถือจากผู้ว่าจ้าง
และเป็นที่ยอมรับ ในแวดวง พวกนักสืบด้วยกัน ราวกับเป็นพ่อมดแห่งนักสืบทีเดียว
 

นักสืบต้องรายงานให้ผู้ว่าจ้างทราบเป็นระยะ
 
นักสืบเมื่อรับงานจากผู้ว่าจ้างแล้ว ควรจะมีการติดต่อกับผู้ว่าจ้างเป็นระยะ
ไม่ควรเงียบหายไปเฉยๆ เนื่องจากผู้ว่าจ้าง มีความต้องการทราบความคืบหน้าของการ สืบ
อยู่ตลอดเวลา นับว่าตลอดเวลาจริงๆ อยากรู้ว่า นักสืบทำงานไปถึงไหน
เป้าหมายที่ให้ไปสืบเป็นอย่างไร มีปฏิกิริยา  หรือมีความตื่นตัวอย่างไร
เป้าหมายไปทำอะไร ไปทำไม ที่สำคัญคือไปกับใคร สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลพื้นฐาน
ที่ผู้ว่าจ้างต้องการทราบอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการ สืบเรื่องชู้สาว
นี่นักสืบยิ่งต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ที่จะต้อง
 คอยรายงานให้ผู้ว่าจ้างทราบอยู่บ่อยๆ รายงานได้ทุกวันยิ่งดี
ขอให้รายงานไปตามความเป็นจริง ถึงแม้คำรายงานของเราจะเป็นข้อมูลซ้ำๆเดิมก็ตาม
อย่างน้อยในด้านจิตวิทยาก็ทำให้ผู้ว่าจ้างรู้สึกสบายใจขึ้นและเห็นว่านักสืบ
กำลังทำงานให้เขาจริงๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่างานไม่คืบหน้าแล้วเราไม่รายงาน
การติดต่อกับผู้ว่าจ้างบ่อยๆจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ นักสืบ ดังที่กล่าวมา
 

นักสืบต้องรักษาความลับของผู้ว่าจ้าง
 
เมื่อ มีการติดต่อว่าจ้าง ให้สืบเรื่องใดแล้ว
สิ่งหนึ่งที่นักสืบต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดคือ
การรักษาความลับของผู้ว่าจ้าง  เมื่องานนั้นสิ้นสุดลง มีการส่งมอบงานกันแล้ว
แต่ความรับผิดชอบของนักสืบ กลับไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น
สิ่งที่นักสืบต้องทำต่อไปคือการรักษาความลับของผู้ว่าจ้าง โดยไม่นำมาเปิดเผยต่อ
บุคคลอื่น เพราะว่าเรื่องราวบางอย่างมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องถึง
เกียรติยศชื่อเสียงของผู้ว่าจ้าง หากเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว
ย่อมไม่เป็นผลดีต่อผู้ว่าจ้าง และตัวนักสืบเอง ผู้ว่าจ้างอาจเสื่อมเสียชื่อเสียง
นักสืบเองก็จะขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้น การรักษาความลับให้กับผู้ว่าจ้าง
จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของนักสืบ เนื่องจากว่า
ผู้ที่มาว่าจ้างย่อมให้ความไว้วางใจในตัวนักสืบ อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
การที่นักสืบนำเรื่องราวของผู้ว่าจ้างไปเปิดเผยแม้โดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ ตาม
ก็เหมือนกับนักสืบนั้นได้ทำการ ทุบหม้อข้าวของตนเอง
การรักษาความลับให้ผู้ว่าจ้างนี้ยังรวมถึง การติดต่อว่าจ้างตอนเริ่มต้น
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการว่าจ้างเกิดขึ้นจริงๆก็ตาม
นักสืบจำเป็นต้องเก็บรักษาเรื่องราวเหล่านี้ไว้ ไม่นำไปเปิดเผย
และให้เป็นความลับติดตตัวนักสืบตลอดไป


นักสืบต้องมีคุณธรรม
ไม่มีงานสืบใดในโลกที่สามารถรับรองผลได้ 100 เปอร์เซ็นต์
นักสืบไม่ควรคุยโอ้อวดว่าสามารถสืบเรื่องราวใดๆก็ได้ ราวกับเซียนผู้วิเศษ
เพราะการเป็นนักสืบ ไม่ได้หมายถึงการจับยามสามตาล่วงรู้ทุกสรรพสิ่ง
เมื่อมีการติดต่อว่าจ้างเข้ามา
นักสืบไม่ควรอวดอ้างสรรพคุณของตนเองว่าสามารรับรองผลการสืบได้ 100 เปอร์เซ็นต์
 เพราะจะทำให้ดูขาดความน่าเชื่อถือ
นักสืบควรวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้จากการบอกเล่าของผู้ว่าจ้าง
ถึงเนื้องานนั้นๆว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดในการสืบ
นักสืบควรถามผู้ว่าจ้างให้ชัดเจนถึงขอบเขตงานที่จะให้ทำ
เมื่อนักสืบทำการวิเคราะห์อย่างคร่าวๆจากข้อมูลที่ผู้ว่าจ้างให้มา
และรู้ถึงขอบเขตงานแล้ว จึงค่อยตัดสินใจรับงานนั้น
และทำการตกลงกับผู้ว่าจ้างให้ชัดเจนว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดในการสืบ เพื่อเป็นการ
save ตัวของนักสืบไม่ให้ถูกกดดันจนเกินไป
 การ ตามสืบในเรื่องใดๆก็ตาม เมื่อนักสืบ สืบได้ความจริงแล้ว
ไม่ควรนำข้อมูลนั้นกลับไปข่มขู่คุกคามเป้าหมาย ให้เอื้ออำนวยผลประโยชน์
อย่างใดอย่างหนึ่งแก่นักสืบ เพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยความลับของเป้าหมาย
การกระทำแบบนี้ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง นักสืบต้องตระหนักและเข้าใจว่า
หน้าที่ของนักสืบคือการสืบให้ได้ตามวัตถุประสงค์ ของผู้ว่าจ้างเท่านั้น
นักสืบมิใช่ตุลาการที่จะคอยตัดสินความผิดถูกของผู้หนึ่งผู้ใด
หรือนักสืบไม่ใช่นักการตลาด ที่จะคอยหาผลประโยชน์จากการถือไพ่เหนือกว่าเป้าหมาย
อันเนื่องมาจากกำความลับของเป้าหมายอยู่
นักสืบเมื่อสืบได้ข้อสรุปแล้วควรรีบรายงานให้ผู้ว่าจ้างทราบและส่งมอบงาน ทันที

นักสืบต้องเป็นคนช่างสังเกต
 
บ่อย ครั้งที่นักสืบทำเป้าหมายหลุด จากการติดตามทั้งๆที่ ตัวเป้าหมายเอง
มิได้ทราบเลยว่า มีนักสืบคอยติดตามอยู่เพียงแต่ว่าเป้าหมายที่นักสืบคอยติดตามนั้น
มีความระมัดระวังตัว มีการปลอมแปลงตัวอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
จนยากต่อการติดตาม
ดังนั้นนักสืบต้องคอยสังเกตให้ดีถึงจุดเด่นของเป้าหมายว่ามีส่วนใดที่สามารถ
จดจำได้ง่าย เช่น สีผิว ทรงผม สีเล็บ ส่วนสูง ความอ้วน ผอม
 หรือแม้กระทั่งจังหวะการก้าวเดิน สิ่งเหล่านี้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาสั้นๆ
จุดสังเกตเล็กๆน้อยเหล่านี้ จะช่วยให้นักสืบสามารถติดตามเป้าหมาย
ได้ตลอดโดยไม่หลุดหายไปเสียก่อนเวลาอันควร
 

งานของนักสืบ
 
จะ ว่าไปแล้ว อาชีพนักสืบถือว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ไม่ว่านักสืบในยุคสมัยใด ก็ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
คือสืบเรื่องราวที่เป็นความลับทั้งหลาย
งานของนักสืบคือการทำให้ความลับเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด
นักสืบต้องเข้าถึงที่สุดของความลับ งานจึงจะบรรลุเป้าหมาย
นักสืบเปรียบเสมือนเป็นผู้ถักทอความจริงให้ปรากฎ นักสืบคือผู้ตามล่าหาความจริง
นักสืบเหมือนผู้นำจิ๊กซอว์แห่งความจริงมาเชื่อมต่อกันจนปรากฎเป็นรูปร่างที่ สมบูรณ์
นักสืบคือผู้พิชิตความลับ นักสืบคือผู้ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างความลับและความจริง
 วิถีชีวิตของนักสืบเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน


ทำไมต้องมีนักสืบ
 
นับ แต่โบราณกาลมา นักสืบเกิดขึ้นมาจากบุคคล 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือผู้ปกปิดข้อมูล
อีกฝ่ายหนึ่งคือผู้ต้องการเปิดเผยข้อมูล เมื่อจุดมุ่งหมายสวนทางกัน
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบเสาะแสวงหา เมื่อมีการเสาะหาจึงเป็นที่มาของนักสืบ
ที่ต้องสืบหาความจริงเอามาเปิดเผย
ระหว่างทั้งสองฝ่ายคือผู้รักษาความลับและผู้ต้องการเปิดเผยความลับ
หากมีความจริงใจต่อกัน ไม่มีความลับซึ่งกันและกัน ตั้งอยู่ในศีลในธรรม
โลกนี้คงไม่มีนักสืบ แต่ในเมื่อมนุษย์ยังมีความลับต่อกัน
มนุษย์ไม่ตั้งมั่นในศีลธรรม มีการกระทำอันต้องปกปิดเป็นความลับ
โลกจึงยังคงต้องการนักสืบ นักสืบจึงอยู่คู่โลกมาตั้งแต่ในอดีต จนกระทั่งปัจจุบัน
อาจบางที นักสืบจะยังคงอยู่คู่โลกไปตราบนิจนิรันดร์


นักสืบต้องรู้จักดูแลรักษาสุขภาพ

 นักสืบไม่ใช่สาว offfice ทั่วไป เข้างาน 8 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น
แต่งานของนักสืบต้องทำกันตลอดเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา อาจบางทีแม้กระทั่งเวลานอน
ยังฝันว่า ตามสืบหาเป้าหมายอยู่ก็มี นักสืบมักจะต้องตรากตรำทำงาน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการสืบ ดังนั้น
สุขภาพของนักสืบจึงมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อยู่สม่ำเสมอ
นักสืบควรหาเวลาดูแลสุขภาพของตนเอง ในแต่ละวัน อาจจะหาเวลาออกกำลังกาย
สร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายบ้าง เช่นตอนตื่นนอนเป็นต้น หากนักสืบใดไม่ดูแลสุขภาพ
ปล่อยให้ร่างกายเสื่อมถอยไปกับการเวลา มีการเจ็บไข้ไม่สบายบ่อยๆ
ย่อมเป็นอุปสรรคในหน้าที่การงาน เพราะงานของนักสืบ
ถือว่าเป็นงานที่ต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรง มีความตื่นตัวตลอดเวลา
จึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นักสืบต้องหมั่นศึกษาหาความรู้
 
นักสืบควรที่จะรู้จักเรียนรู้เทคนิค วิธีการสืบจากผู้มาก่อน หรือนักสืบรุ่นพี่ๆ
เพื่อที่จะไม่เสียเวลาในการ ลองผิดลองถูกในการเป็นนักสืบ
มีเรื่องมากมายหลายอย่างที่สามารถลองผิดลองถูกได้ แต่การเป็นนักสืบ
ขอแนะนำอย่างยิ่งว่าไม่ควรลองผิด ควรจะลองถูกเพียงอย่างเดียว
เพราะว่าความผิดพลาดเพียงเล็กๆน้อยของนักสืบ
หมายถึงเรื่องราวและปัญหาอีกมากมายที่จะตามมา
อาจทำให้นักสืบต้องมาเสียเวลาแก้ปัญหาจนไม่สามารถบรรลุผล ของการสืบได้ ดังนั้น
นักสืบควรหาเวลาและโอกาสในการเข้าทำการศึกษาหาความรู้จากผู้มีประสบการณ์
หรืออาจหาเวลามาแชร์ประสบการณ์ในหมู่เพื่อนนักสืบด้วยกัน


นักสืบต้องหมั่นตรวจตราอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ
 
คง ไม่มีนักสืบใด สืบทุกเรื่องราวโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยเลย
นักสืบไม่ใช่พ่อมดที่จะสืบเรื่องราวจากการเพ่งลูกแก้ว
แต่นักสืบต้องสืบจากการเข้าหาเป้าหมายจริงๆ
นักสืบจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นบ้าง
แต่คงไม่ถึงกับมีมากจนกลายเป็นสิ่งเกินความจำเป็น
นักสืบมิใช่นักรบที่ต้องติดอาวุธหรือเครื่องรบเต็มตัวไปหมด
จะมีแต่ก็คงอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่ใช้อำนวยความสะดวกในการสืบ เช่นกล้องตัวเล็กๆ
เครื่องดักฟัง เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนักสืบก็ไม่ควรเอาแต่ใช้อย่างเดียว
ควรหมั่นตรวจตราอยู่เสมอ ว่าอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ
อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลาหรือไม่
นักสืบจะได้ไม่เสียโอกาสในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
นักสืบควรฝึกหัดใช้เครื่องมือเหล่านั้นให้คล่องแคล่วชำนาญ ใช้ด้วยความระมัดระวัง
ไม่ให้พังไปก่อนเวลาอันควร เมื่อนักสืบจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้ควรตั้งสติให้ดี
ให้มีความละเอียดสักนิดหนึ่ง อุปกรณ์บางอย่างใส่กลับหัวกลับหางกันได้ง่าย
แต่ผลลัพธ์ออกมาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวทีเดียว
 

นักสืบมูลค่าเพิ่ม
 
นักสืบเป็นมนุษย์แปลกประหลาดถึงกับแปลกประหลาดอย่างยิ่ง งานของนักสืบ
มักจะเป็นงานที่มีเกี่ยวข้องกับความลึกลับซับซ้อนอยู่เสมอๆ
นักสืบจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้กำความลับของสวรรค์
ความลับบางอย่างตีค่าเป็นเงินเป็นทองไม่ได้เลย
ไม่ได้หมายความว่าความลับนั้นไม่มีค่า
แต่มีค่ามากเกินกว่าจะนำมาตีค่าเป็นเงินเป็นทอง
ตัวของนักสืบจึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาและประสบการณ์
ยิ่งนักสืบใดล่วงรู้ความลับที่สำคัญๆ นักสืบนั้นยิ่งเป็นที่ต้องการของผู้ว่าจ้าง
และมีราคาค่าจ้างสูงตามไปด้วย ดารานักแสดงหรือนักกีฬาระดับ super
starได้รับค่าตัวแพงๆ ก็เฉพาะเวลาที่ยังหนุ่มแน่น เป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่เท่านั้น
พอแก่ตัวลงไปสังขารร่วงโรย ค่าจ้างก็จะลดลงไปตามสภาพ  แต่นักสืบอาจไม่เป็นเช่นนั้น
ยิ่งแก่ยิ่งเก่ง ยิ่งเก๋ายิ่งมีประสบการณ์ ยิ่งรู้อะไรมาก ราคาค่าตัวกลับสวนทางกับ
super star ก็มีเหมือนกัน เหมือนเพชรเหมือนพลอยยิ่งแก่ยิ่งมีราคา
นี่คือความแปลกประหลาดอย่างหนึ่งของนักสืบ
 

นักสืบควรเริ่มต้นในสิ่งที่ง่าย
 
นักสืบเมื่อรับงานจากผู้ว่าจ้างแล้วควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และเริ่มต้นสืบ
จากง่ายไปยาก เนื่องจากบ่อยครั้ง
สิ่งที่ควานหาอย่างลำบากยากเย็นใช้เวลาและความพยายามไปมากมาย
แต่สุดท้ายกลายเป็นเส้นผมบังภูเขา คำตอบอยู่เบื้องหน้าแท้ๆ
นักสืบกลับหลงทางวกเวียนวน ไปทางอื่นกลายเป็นเอาภูเขามาบังเส้นผมเสียนี่
นักสืบไม่ควรเริ่มต้นสืบด้วยความยาก สิ่งใดที่คิดว่าจะใช่
และง่ายต่อการบรรลุผลแห่งการสืบ ควรเริ่มต้นที่สิ่งนั้นทันที
เมื่อไม่ได้แล้วค่อยสืบเสาะในกรณีที่ยากขึ้นไปเรื่อยๆ
แบบนี้นักสืบจะไม่เสียเวลาและไม่สบสนในลำดับของการทำงาน
จะทำให้นักสืบเข้าหาเป้าหมายได้ง่าย เหนื่อยน้อยลง และ สิ้นสุดภารกิจอย่างรวดเร็ว
นักสืบจะเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจในการทำงานชิ้นถัดๆไป
นักสืบ

 

  1. การว่าจ้างงานสืบ ผู้ว่าจ้างจะต้องบอกรายละเอียดข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับงานให้ทางทีมงานทราบ เช่น ชื่อ-นามสกุล รูปภาพ ที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน ยานพาหนะที่ใช้ทะเบียนรถ รุ่น ยี่ห้อ ฯลฯ   ข้อมูลทุกอย่างยิ่งมีมากเท่าไหรความสำเร็จของงานก็มากเท่านั้น

  2. เรามีทีมงานที่วิเคราะห์และวางแผนให้กับท่าน ก่อนการตัดสินใจ

  3. เมื่อทางทีมได้รับงานที่ได้รับมอบหมายมาแล้ว ทางทีมงานจะมีการวางแผนงานต่างๆ แล้วพร้อมเริ่มปฏิบัติงาน   *( ขึ้นอยู่กับสถานที่ )

  4. ในกรณีที่ติดตามเป้าหมาย ถ้าเป้าหมายออกนอกพื้นที่ในจังหวัดที่ท่านจ้างวาน ทางทีมงานจำเป็นที่จะต้องพักในพื้นที่    เดียวกัน หรือใกล้เคียง เช่นโรงแรม ฯลฯ หรือจะต้องเข้าไปในสถานที่เดียวกันที่ทางทีมงานคิดว่าน่าจะได้ข้อมูล เช่น ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ ฯลฯ ทางเราจะต้องเบิกกับท่าน โดยจะแจ้งให้ท่านทราบ และตัดสินใจก่อนทุกครั้ง

  5. ในกรณีที่ทางทีมงานสามารถปฏิบัติภารกิจ หรือเก็บหลักฐานได้ครบถ้วนตามความต้องการของท่านแล้ว ทางทีมงานสามารถที่จะปิดงานให้ท่านได้ทันที ถึงแม้ว่าจะเหลือระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจอีกก็ตาม

  6. ในกรณีที่ทีมงานได้ปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว แล้วได้รับอันตรายเกิดขึ้น ทีมงานสามารถยกเลิกภารกิจนั้นทันที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางทีมงานว่าจะสามารถปฏิบัติภารกิจต่อได้หรือไม่ และจะไม่มีการคืนค่าใช้จ่าย

  7. ถ้าเป้าหมายคนที่ท่านจ้างวานเคยถูกสืบติดตามมาก่อนแล้ว ควรแจ้งให้ทราบด้วย  เนื่องจากเป้าหมายจะมีการระวังตัวเป็นพิเศษ และเพื่อที่ทางทีมงานเราจะได้ปรับเปลี่ยนแผนงานใหม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ท่านต้องการ และหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับทีมงานจากการระวังตัวของเป้าหมาย ทุกกรณี

  8. เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทีมพร้อมลูกทีมจะทำการรายงานและส่งภาพภ่ายทั้งหมดให้กับตัวท่าน

 นักสืบ